ด้วยองค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ทุกประเทศในภาคพื้นโลกได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโลก ที่นับวันจะถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิตและคุณภาพชีวิตของประชากรโลก
สำหรับประเทศไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ต้องรับมือวิกฤตขยะจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 เผชิญปัญหาขยะพลาสติกจากบริการเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น 15% ขณะที่ขยะอาหารและขยะติดเชื้อจากการใช้หน้ากากอนามัยมีเพิ่มมากเช่นกัน ดังนั้นแนวคิดว่าทุกครัวเรือน คือ ต้นทาง ที่สามารถมีส่วนร่วมในการลดและจัดการกับปัญหาปริมาณขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง หรือ single use plastic ที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ง่ายๆ และสามารถทำได้ทันที โดยการรณรงค์ให้สำนักงานฯเป็นจุดรับขยะพลาสติกสะอาดและแห้งจากประชาชน เพื่อเข้าสู่เครือข่ายผู้ให้บริการและขนส่งทรัพยากรไปยัง “Waste hub” และเข้าสู่ขั้นตอนการรีไซเคิล ( recycle) ไปจนอัพไซเคิล ( upcycle) ซึ่งเป็นการนำบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เป็นการลดขยะ ลดการใช้ทรัพยากร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันปัญหาที่สำคัญอีกเรื่องคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มีหลากหลายวิธี การปลูกต้นไม้หรือการ เพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยชะลอหรือลดอุณหภูมิของโลกได้โดยตรง การสร้างความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน จึงเป็นวิธีในเสริมสร้างความสามารถในการรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สำหรับในปีนี้องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดคำขวัญวันสิ่งแวดล้อมโลกในปี 2563 ว่า ถึงเวลา...คืนลมหายใจให้ธรรมชาติ (TIME FOR NATURE FIND OUT WHAT YOU CAN DO) เพื่อกระตุ้นและปลูกจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนมีความตระหนักและเห็นความสำคัญ เช่นเดียวกับนานาอารยประเทศที่ให้ความสำคัญกับวันสิ่งแวดล้อมโลก